มุมเที่ยวเกาหลีที่พลาดไม่ได้ ต้องไปโดน

Spread the love

คงยากที่จะปฏิเสธว่าประเทศเกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่โดดเด่นในสายตาชาวโลก ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมล้วนหล่อหลอมให้เกาหลีใต้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและน่าสนใจ ใครต่อใครก็ต่างที่อยากจะไปสัมผัส นักท่องเที่ยวมากมายเดินทางไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ ตามเส้นทางสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม จนเห็นเพียงแค่เกาหลีใต้ในมุมเดิม ๆ ก็ทำให้เราอดจินตนาการถึงยุคอดีต ในแบบตามรอยซีรีน์เกาหลีกันเลยทีเดียว

 1. พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)

พระราชวังคย็องบก เป็นวังที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 5 วัง ในกรุงโซล สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1394 และเป็นพระราชวังหลักที่ใช้ประทับว่าราชการของกษัตริย์ราชวงศ์โชซอนมาโดยตลอด เดิมทีมีกว่า 200 อาคาร แต่โดนเผาและทุบทำลายไปเป็นจำนวนมากโดยกองทัพญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1592 ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนของอาคารเดิมที่หลงเหลืออยู่เข้ากับวัสดุใหม่

รูปภาพที่เกี่ยวข้องรูปภาพที่เกี่ยวข้องรูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

2. คลองช็องเกชอน(Cheonggyecheon)

คลองชองเกชอน นี้สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้ายองโจแห่งราชวงศ์โชชอน อายุเก่าแก่กว่า 600 ปี เดิมเป็นคลองน้ำเน่า สลัมเพียบ รถติดสุดๆ จนมีการสร้างทางด่วนทับคลอง ไม่มีใครอยากจะเดินผ่าน ต่อมาปี 2003 รัฐบาลได้บูรณะคลองใหม่ ทุบทางด่วนทิ้ง แล้วทุ่มงบกว่า 386 พันล้านวอน พัฒนาจนน้ำใสสะอาด เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสุดฮิตของชาวกรุงโซลและนักท่องเที่ยว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คลองชองเกชอน (Cheonggyecheon)

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

3. อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)

อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงความเสียสละของเหล่าทหารที่จากไปในระหว่างสงครามเกาหลี หลายคนคงอาจไม่รู้ว่าเหตุผลที่คนไทยสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ได้นาน 90 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า เป็นเพราะรัฐบาลเกาหลีต้องการตอบแทนทางฝั่งไทยที่ส่งทหารมาร่วมรบในสงคราม

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อนุสรณ์สถานแห่งสงครามเกาหลี (The War Memorial of Korea)รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

4. สวนกุหลาบที่ Dongdaemun Design Plaza (DDP)

ดอกกุหลาบไฟ LED จำนวน 25,550 ดอก ได้ถูกนำมาจัดแสดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฉลองครบรอบ 70 ปี ที่เกาหลีประกาศเอกราชจากการยึดครองของญี่ปุ่น (365 วัน X 70 ปี = 25,550 ดอก) เปิดไฟทุกวันตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม จนถึง 4 ทุ่ม (แต่เคยไปมา 5 ทุ่มแล้วก็ยังเปิดอยู่นะ) อันนี้ขอแนะนำว่าถ้าใครไม่มีเวลาให้มาดูตอนกลางวันก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่ง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สวนกุหลาบที่ Dongdaemun Design Plaza

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สวนกุหลาบที่ Dongdaemun Design Plaza

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

5.วัดบงวอนซา (Bongwonsa Temple)

วัดบงวอนซา เป็นวัดหลักของศาสนาพุทธนิกายแทโก (Taego Order) ในเกาหลี (ที่เกาหลีมีศาสนาพุทธหลัก ๆ อยู่ 2 นิกาย) พระสงฆ์นิกายนี้สามารถแต่งงานได้ วัดบงวอนซาตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเขาอันซาน (Ansan Mountain) ซึ่งใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วัดบงวอนซา (Bongwonsa Temple)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วัดบงวอนซา (Bongwonsa Temple)

วัดบงอึนซา นั้นนับว่าวัดเก่าแก่อย่างมาก สร้างมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.794 ในสมัยอาณาจักชิลลา ปกครองบริเวณแทบนี้ ซึ่งปัจจุบันนั้นมันตั้งอยู่ในย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงโซล อย่างย่านกังนัม โดยมันเป็นวัดพุทธในนิกายมหายาน ที่จะต้องมีการกราบไหว้ในแบบ อัษฎางคประดิษฐ์ คือการให้ส่วนสำคัญของร่างกาย 8 ส่วนต้องสัมผัสพื้นในการกราบ หรือที่เราจะเห็นกันบ่อยในการกราบแบบเกาหลีโบราณตามซีรีย์นั่นเอง จึงทำให้วัดแห่งนี้มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวชมเป้ฯอย่างมากซึ่ง วัดบงอึนซา นั้นจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวันในเวลา 5.00 น. จนถึง 21.00 น. โดยเป็นอีกวัดหนึ่งที่แม้จะอยู่ใจกลางเมืองแต่กลับมีบรรยากาศที่แสนจะเงียบสงบเป็นอย่างมาก โดยมีไฮไลท์ที่สำคัญของวัดก็คือ พระพุทธรูปหินอ่อนขนาดใหญ่ ที่ชาวเกาหลีให้ความเคารพมาสักการะกันเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน นอกจากนี้แล้วสถาปัตยกรรมต่างๆ ของวัด ทั้งวิหาร โบสถ์ และหอระฆังต่างๆ ก็เป็นแบบศิลปะในยุคชิลลาแทบทั้งสิ้น ทำให้วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้แล้ว วันบงอึนซา ยังเป็นวัดที่เปิดเป็น Temple Stay หรือการมาพำนักที่วัดอีกด้วย โดยมีโปรแกรมหากหลายวันด้วยกัน ซึ่งในแต่ละวันนั้นก็มีกิจวัติที่จะต้องทำทังการตื่นมาทำวัตรตั้งแต่เวลาตี 4 และทานอาหารเช้า จากนั้นก็จะมีการฝึกสมาธิในแบบ Summudo เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ นอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอีกมากมายหลายอย่างทั้ง การยิงธนูเพื่อทำสมาธิ หรือจะเป็นการการสอนชงชาแบบโบราณอีกด้วย ซึ่งจากสถิติแล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมมาพักแบบ Temple Stay เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

6. พระราชวังชังด็อก (Changdeokgung Palace)

พระราชวังชางด๊อกกุง หรือ พระราชวังชางด๊อก

ชังด็อกกุง หรือ พระราชวังชังด็อก เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดของเกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซ็อน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) ด้วยเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังคย็องบก (Kyeongbok Palace) ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออก (East Palace) ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าซอนโจ กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งโชซ็อนได้โปรดเกล้าฯ ให้ขยายสนามหญ้าของพระราชวังเป็น 500,000 ตารางเมตร

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พระราชวังชังด็อก (Changdeokgung Palace)

อินจ็องจอน (Injeongjeon) คือชื่อของพระที่นั่งหลักที่อยู่ในพระราชวังชังด็อก อีกวังหนึ่งที่อยู่ในเมืองเก่าของกรุงโซล วังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังคย็องบก ผู้คนจึงเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่าพระราชวังตะวันออก

เกาหลีโดนญี่ปุ่นรุกรานมา 2 ครั้งใหญ่ (จริง ๆ ก็มีอยู่เรื่อยมา) ก็คือช่วงสมัยต้นราชวงศ์โชซอน (โดยขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) และสมัยช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แค่ครั้งแรกกองทัพญี่ปุ่นก็ได้เข้ามาเผาทำลายวังต่าง ๆ ในโซลเกือบทั้งหมด รวมทั้งพระราชวังชังด็อกด้วย เมื่อสงครามสงบพระราชวังชังด็อกก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ แล้วใช้เป็นที่ว่าราชการของกษัตริย์ในระหว่างที่ทำการบูรณะพระราชวังคย็องบก

สิ่งที่เป็น The Must ของการมาเที่ยววังนี้ก็คือ “สวนลับ” (Secret Garden) นั่นเอง

ไฟล์:Injeongjeon (interior), Changdeokgung - Seoul, Korea.JPG

สาเหตุที่เรียกอย่างนี้เพรว่าพระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังเคียงบก (Kyeongbok Palace)  พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ สวยงามมากในช่วงที่มีการปกครองด้วยระบบกษัตริย์ของเกาหลี ได้ถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์กษัตริย์ ที่ว่าราชการ และที่ทำงานของขุนนาง โดยถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซอน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405) แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1955 (ค.ศ. 1412) ซึ่งในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) ขุนศึกญี่ปุ่น โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิได้เข้ารุกรานเกาหลี กินเวลายาวนานถึง 7 ปี พร้อมกับเผาทำลายพระราชวัง ซึ่งในปีนี้เองเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการสถาปนาราชวงศ์ โดยหลังจากผ่านสงคราม 7 ปีไปแล้ว พระราชวังก็ได้รับการบูรณะขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2152 (ค.ศ. 1619) มีการปรับขยายสนามหญ้าของพระราชวังเป็น 500,000 ตาราง โดยพระเจ้าซอนโจ กษัตริย์องค์ที่ 14 แห่งโชซอน และองค์ชายควางแฮกุน แต่อีก 4 ปีต่อมา พระราชวังกลับเกิดเพลิงเผาวอดอีกครั้งในเหตุจราจลที่ขุนนางไม่พอใจองค์ชายควางแฮและก่อการยึดอำนาจ สถาปนาองค์ชายนึง

ยางขึ้นเป็นพระเจ้าอินโจ พร้อมกับเนรเทศองค์ชายควางแฮไปเกาะคังฮวา จนพระราชวังถูกโจมตีอีกครั้งจากจักรวรรดิชิง (ประเทศจีน) แต่หลังจากนั้นพระราชวังก็ได้รับการสร้างใหม่ให้อยู่ในสภาพดั้งเดิม

สิ่งก่อสร้างในพระราชวังชางด๊อกกุง
-ประตูดงฮวามุน(Donhwamun Gate)ประตูางเข้าหลักของพระราชวังถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1955 เป็นประตูที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังอยู่จนทุกวันนี้
-พิพิธภัณฑ์เดิมเป็นท้องพระโรงถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1948 สร้างขึ้นใหม่ในปี 1804 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์
-หอซอนจองจอนเป็นห้องทำงานของขุนนางฝ่ายปกครองสร้างในปี 1461 ถูกทำลายในสงครามอิมจินบูรณะปี พ.ศ. 2190
-ศาลาจูฮัมนู (คยูจังกัก) – หอจดหมายเหตุและหอแสดงภาพวาดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2319
-พระตำหนักอินชองชอน (Injeongieon Hall)  อาคารหลักที่เป็นที่ประทับของกษัตริย์ใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกว่าราชการ
-อุทยานพีวอน (Bewon) หรือฮูวอน (Huwon)  หรือสวนลับ สวนต้องห้าม เป็นอุทยานที่ได้ชื่อว่าสวยและร่มรื่นที่สุด ตั้งอยู่ด้านหลังของพระราชวัง

 

7. โบสถ์เมียงดง (Myeongdong Cathedral)

Jeondong Cathedral จอนจู (전주 전동성당) โบสถ์คริสต์แห่งแรกของเกาหลี

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่านอกจากเมียงดงจะเป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลีแล้ว ยังเป็นสถานที่อันสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งสังคมและศาสนาอีกด้วย หากมาเดินช้อปปิ้งที่เมียงดง อยากให้เพื่อน ๆ เจียดเวลาสักครู่เดินขึ้นมาตามถนนสายหลัก ก็จะเจอโบสถ์คาทอลิกทางด้านขวามือ โบสถ์นี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า The Cathedral Church of the Virgin Mary of the Immaculate Conception แต่มันยาวไป ไม่มีใครเรียกหรอก เค้าเรียกกันสั้น ๆ ว่า “โบสถ์เมียงดง”

โบสถ์แห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1892 หรือตั้งแต่สมัยที่ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกได้เริ่มเผยแผ่เข้ามาในคาบสมุทรเกาหลี (ตรงกับราชวงศ์โชซอน) มีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือสร้างขึ้นจากอิฐแดงและกระจกสี

นอกจากโบสถ์นี้จะเป็นศูนย์กลางทางศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกให้กับประชาชนชาวเกาหลีแล้ว ที่นี่ยังเคยเป็นศูนย์กลางที่ประชาชนมาร่วมชุมนุมกันเพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารในช่วงปี ค.ศ. 1970-1980 และยังเป็นสถานที่หลบภัยของบรรดาผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคนอีกด้วย แม้กระทั่งในปัจจุบัน บริเวณลานหน้าโบสถ์ก็ยังถูกใช้เป็นสถานที่รวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่เนือง ๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โบสถ์เมียงดง (Myeongdong Cathedral)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โบสถ์เมียงดง (Myeongdong Cathedral)

 

8. สวนดอกไม้ที่ Olympic Park

Olympic Park สวนที่มีอะไรให้ดูมากกว่าต้นไม้ เพราะว่าเป็นเขตเมืองโบราณของอาณาจักรแพ็กเจ มีทั้งแนวกำแพงเมืองและพิพิธภัณฑ์ ใครสนใจมาเที่ยวที่นี่ให้นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Olympic Park Station เดินออกทางออกที่ 3 แล้วเดินตรงไปเรื่อย ๆ จะเจอสวนกุหลาบและทุ่งดอกไม้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ สวนดอกไม้ที่ Olympic Parkรูปภาพที่เกี่ยวข้อง

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

9. สวนฮานึล (Haneul Park)

สวนฮานึล หรือเรียกอีกชื่อว่า Sky Park (“ฮานึล” ในภาษาเกาหลีแปลว่า “ท้องฟ้า”) เป็นหนึ่งในสวนสาธารณะทั้ง 5 ที่เรียกรวมกันว่าสวนเวิลด์คัพ (World Cup Park)

สวนนี้สร้างขึ้นในโอกาสที่เกาหลีและญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 2002 โดยพื้นที่ตั้งของสวนทั้งหมดนี้เคยเป็นกองภูเขาขยะ ที่ไม่สามารถกำจัดได้ทันเนื่องจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของกรุงโซล ลองนึกภาพว่าตรงนั้นเคยเป็นกองขยะที่มีปริมาณมากถึง 92 ล้านตัน และใช้เวลากว่า 6 ปีในการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้ขึ้นมา ปัจจุบันบริเวณนี้ถูกสร้างให้เป็นสวนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังสามารถผลิตก๊าซที่เกิดจากการหมักหมมของขยะที่ถูกฝังอยู่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้อีกด้วย

สวนฮานึลมีชื่อเสียงเนื่องจากอยู่บนภูเขา (ที่เกิดจากการถมกองขยะนั่นแหละ) สามารถเห็นวิวแม่น้ำฮันและวิวกรุงโซลฝั่งตะวันตกได้ นอกจากนี้ในฤดูใบไม้ร่วงของทุกปียังมีเทศกาลหญ้ามิสแคนทัส (ภาษาเกาหลีเรียกว่า “อ็อกแซ, 억새”) ที่จะบานสะพรั่งปลิวไสวไปตามลมหนาว เป็นวิวที่สวยและแปลกตาไปอีกแบบ

 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

10.Korean Folk Village (한국민속촌)

Korean Folk Village เป็นหมู่บ้านที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองบรรยากาศ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่สมัยราชวงศ์โชซอนยุคปลาย (ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี) บนเนื้อที่กว่า 615 ไร่ รวบรวมเอาบ้านและอาคารจากภูมิภาคต่าง ๆ ในเกาหลีมาไว้ในนี้ถึง 260 หลัง โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภูเขา และลำธาร (ธรรมชาติแน่นอน เพราะต้องนั่งรถออกมาจากโซลประมาณ 1 ชม.) มีการสาธิตการใช้ชีวิตตามวิถีของคนในสมัยนั้น นักท่องเที่ยวสามารถร่วมทำเวิร์กช็อปต่าง ๆ เช่น ปั้นหม้อ (โอ่ง, ไห) ดูดวง ดูโหงวเฮ้งตามตำราเกาหลีโบราณ ขี่ม้า ฮ้าไฮ่ … อะไรก็ว่ากันไป นอกจากนี้ยังมีการจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การสืบสวนผู้ต้องสงสัย การแสดงระบำรำฟ้อนต่าง ๆ รับรองว่าเมื่อผ่านประตูเข้ามาจะรู้สึกว่าหลุดเข้ามาในอีกยุคหนึ่งเลยทีเดียว (พนักงานในนี้พูดภาษาเกาหลีโบราณหมด)

นอกจากนี้หมู่บ้านนี้ยังใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำซีรีส์แนวย้อนยุคอีกหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นติ่งตามละคร หรือว่าตากล้องแนวธรรมชาติก็มาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกลัวเสียเที่ยว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Korean Folk Village (한국민속촌)

 

11. ป่าแห่งกรุงโซล (Seoul Forest)

Seoul Forest (서울숲) เป็นสวนสาธารณะที่เปิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 2005 แต่เดิมนั้นเป็นป่าธรรมชาติที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนใช้ล่าสัตว์ และเป็นพื้นที่ที่ใช้ตรวจแถวทหารและรวบรวมกำลังพล แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้เรียกว่า “ตุ๊กซอม” (แปลว่า “เกาะตุ๊ก”, Ttuk Island) แต่มันไม่ใช่เกาะแต่อย่างใด แต่เป็นแหลมที่อยู่ระหว่างแม่น้ำฮันและคลองชองเกชอน จนทำให้ดูเหมือนเป็นเกาะ ส่วนชื่อ “เกาะตุ๊ก” นั้น ก็มิได้ตั้งขึ้นเพราะมีเจ้าของชื่อตุ๊กแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะสมัยโบราณนั้น เมื่อมีการตรวจแถวทหารหรือเคลื่อนขบวนจะมีการตั้งธง “ดุกกี (纛旗)” (เป็นชื่อของธง) คนสมัยนั้นจึงเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า “ดุกซอม” แล้วเพี้ยนมาเป็น “ตุ๊กซอม” ในปัจจุบัน

สวนสาธารณะแห่งนี้นอกจากจะมีต้นไม้และวิวเก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปแล้ว ยังสามารถเช่ารถจักรยานปั่นรอบสวน หรือจะลงไปปั่นบนถนนเลียบแม่น้ำฮันก็จะได้เห็นวิวที่สวยไม่แพ้กัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ป่าแห่งกรุงโซล (Seoul Forest)ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ป่าแห่งกรุงโซล (Seoul Forest)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ป่าแห่งกรุงโซล (Seoul Forest)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ป่าแห่งกรุงโซล (Seoul Forest)